เผยกลยุทธ์ ! เข้าถึงลูกค้าทุกจังหวัดได้ง่าย ๆ ผ่านฟีเจอร์เด็ดจาก Kolify
เชื่อว่าหนึ่งในปัญหาหลักของแบรนด์ที่ต้องการใช้ Influencer ในการรีวิวสินค้าคือการเลือก Influencer สามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าที่ต้องการได้จริง อย่างในปัจจุบันที่ Influencer หลายคนเริ่มขยายฐานผู้ติดตามด้วยคอนเทนต์ที่หลากหลาย ไม่ได้เฉพาะไปที่สายใดสายหนึ่ง ซึ่งทำให้มีผู้ติดตามเยอะขึ้นจริง แต่สำหรับแบรนด์ที่ต้องการโปรโมทสินค้าประเภท Niche หรือเฉพาะกลุ่มเป็นเรื่องยากขึ้น
โดยเฉพาะแบรนด์ที่ต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าในต่างจังหวัด ที่ต้องการหา Influencer ที่สามารถเข้าถึงกลุ่มคนในแต่ละจังหวัดที่ต้องการได้ รวมทั้งกลุ่มแบรนด์ที่มีต้องการเข้าถึงคนที่มีความสนใจเฉพาะ
วันนี้ Kollective เลยมีเคสการทำ Influencer marketing ที่น่าสนใจจากร้านศรีไฮ่ทงยานยนต์ ร้านขายมอเตอร์ไซด์ชื่อดังในจังหวัดบุรีรัมย์ ที่พิสูจน์แล้วว่าการใช้ Influencer marketing สามารถสร้างยอดขายและเพิ่มอัตราการตัดสินใจให้กับสินค้าประเภท High Involvement ที่มีราคาสูงได้
ค้นหาลูกค้าที่ต้องการผ่าน Audience-based search
ศรีไฮ่ทงเป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่เจอปัญหาการเข้าถึงลูกค้าในจังหวัด โดยสิ่งแรกที่ต้องทำคือการเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อมาวิเคราะห์ ทำให้ทราบว่าลักษณะกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง
สิ่งแรกที่แบรนด์ต้องทำก่อนการเลือกใช้ Influencer เพื่อให้สามารถเพิ่มยอดยาดและขยายฐานลูกค้าได้คือการเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อมาวิเคราะห์ ซึ่งสำหรับศรีไฮ่ทงแล้ว กลุ่มเป้าหมายที่วิเคราะห์ออกมาได้คือกลุ่มนักเรียนนักศึกษาในจังหวัดบุรีรัมย์ที่จำเป็นต้องใช้จักรยนต์เดินทางไปโรงเรียน และอีกหนึ่งกลุ่มที่น่าสนใจคือ กลุ่มพ่อแม่อายุ 30-50 ปี ที่ต้องซื้อจักรยานให้ลูก หรือซื้อใช้เองในจังหวัด
เมื่อทราบกลุ่มเป้าหมายที่มีโอกาสสร้างยอดขายได้แล้ว สิ่งต่อไปคือการเลือก Influencer ที่เหมาะสม ผ่านการใช้แพลตฟอร์ม Kolify ที่สามารถช่วยแบรนด์ในการค้นหา Influencer ที่ต้องการได้ ด้วยฟีเจอร์พิเศษอย่าง Audience-based search ที่สามารถหา Influencer ผ่านลักษณะของผู้ติดตามได้ เช่น เพศ อายุ ที่อยู่ ความสนใจ
โดย Influencer ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ได้ คือ เพจอัพเดทข่าวสารและไลฟสไตล์ที่คนในจังหวัดบุรีรัมย์ติดตาม และ Influencer ใน Instagram ที่มีผู้ติดตามในช่วงมัธยมปลาย
เข้าถึงด้วยคอนเทนต์และโปรโมชั่นเฉพาะกลุ่ม
สำหรับคอนเทนต์ที่ใช้ในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายก็จะแตกต่างกันไปตาม Influencer ที่ใช้ โดยในแคมเปญนี้ สามารถแบ่งลักษณะคอนเทนต์ออกมาได้ 2 รูปแบบ คือ
- คอนเทนต์บอกเล่าความรู้สึกในการทดลองขับ
ในการทำคอนเทนต์นี้ ทสางแบรนด์ได้เลือกใช้ Instagram Influencer ที่มีไลฟสไตล์และความชื่นชอบในการขับมอเตอร์ไซด์ เน้นการถ่ายทอดความรู้สึกจริงจากการทดลองขับ เน้นเชิญชวนให้คนไปทดลองขับได้ที่ร้าน พร้อมมีโปรโมชั่นส่วนลดพิเศษสำหรับผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์แต่ละคน
- คอนเทนต์บอกเล่าเรื่องราวของแบรนด์
เนื่องจากศรีไฮ่ทงเป็นร้านจักรยานยนต์ที่อยู่คู่กับชาวบุรีรัมย์มานาน และร้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องการออกรถง่าย พนักงานบริการดี พร้อมมีระบบตรวจเช็คปัญหาเครื่องยนต์ให้ด้วย จึงได้นำจุดขายเหล่านี้มาถ่ายทอดตามสไตล์และรูปแบบคอนเทนต์ของแต่ละเพจ พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสำหรัลลูกเพจ
ติดตามและวัดผลลัพธ์ Influencer รายคน
สุดท้ายแล้ว สิ่งที่ขาดไปไม่ได้ในการทำแคมเปญ Influencer marketing ให้มีประสิทธิภาพคือการติดตามและวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น เพราะสิ่งเหล่านี้จะทำให้เรารู้ว่าการทำการตลาดของเราคุ้มค่าหรือไม่ โดยในการทำแคมเปญครั้งนี้ ทาง Kollective ได้วางระบบการวัดผลออกมาเป็น 2 มิติ
- Social media performance
สำหรับการวัดผลส่วนของ Social media performance จะเป็นการวัดผลด้วย KPI ได้แก่ Impression หรือ Engagement เป็นหลัก โดยตัว Engagement สามารถดูได้จากโพสต์ของ Influencer ได้โดยตรง แต่ส่วนของ Impression จำเป็นจะต้องขอจาก Influencer โดยตรง แต่สำหรับศรีไฮ่ทงที่สร้างแคมเปญผ่าน Kolify จึงสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้จากหน้า Kolify dashboard ซึ่งจะมีข้อมูลแสดงให้เห็นทั้งภาพรวม และรายคน
- Conversion
สำหรับการวัดผลในรูปแบบของ Conversion จะเป็นการวัดผลจากยอดขายโดยเฉพาะ ซึ่งสามารถวัดผลได้หลากหลายวิธี ทั้งการใช้ Tracking code หรือ Pixel code เข้ามาช่วยวัดผลยอดขายที่เกิดขึ้นในเว็บไซต์ หรือใช้เป็น Coupon หรือรหัสส่วนลด โดยศรีไฮ่ทงได้เลือกใช้เป็นวิธีการวัดจากรหัสคูปองจาก Influencer ที่มีลูกค้านำมาใช้ซื้อรถที่หน้าร้าน
เมื่อได้มีการติดตามผลลัพธ์แคมเปญตั้งแต่ต้นจนจบ จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ได้เชิงของ Social media performance ที่สร้างการเข้าถึงคนในจังหวัดบุรีรัมย์ได้กว่า 100,000 Impression และ 9,000 Engagement ภายในระยะเวลาเพียง 2 สัปดาห์ ส่วนในด้านของ Conversion ก็สามารถสร้าง ROI ได้กว่า 300% ซึ่งถือว่าคุ้มค่ากับการทำแคมเปญ Influencer
นอกจากการทำแคมเปญที่คุ้มค่าในเชิงของยอดขายโดยรวมแล้ว ยังสามารถวัดผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจาก Influencer แต่ละคนได้ด้วย ทำให้สามารถวิเคราะห์ต่อได้ว่า Influencer คนไหนบ้างที่ทำผลงานได้ดี ซึ่งจะช่วยให้ในการทำแคมเปญครั้งต่อไป เราสามารถที่จะเลือก Influencer ที่เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น และสามารถสร้างผลลัพธ์ทางการตลาดได้ดีขึ้น
- บทความที่เกี่ยวข้อง
- Kollective เร่งพัฒนา Influencer marketing solution เตรียมรุกตลาด CLMV ในปี 2024
- คอร์สออนไลน์ฟรี! เพื่อการทำ Influencer marketing
- สรุปเทรนด์พร้อมวางแผนกับ Kollective Ebook
หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ 090-293-8951 (คุณกอล์ฟ ฝ่ายการตลาด)
Facebook: Kollective – Integrated Influencer Marketing Optimizer
Line: @kollective.th
Website: https://kollective.one
Email:contact@kollective.one