fbpx

อัพเดทล่าสุด! Marketing trend ที่จะมาแรงในปี 2023

อย่างที่หลายคนทราบว่าในโลก Digital Marketing ไม่มีอะไรหยุดนิ่ง ความท้าทายและการเติบโตของตลาด เกิดขึ้นและพัฒนาไปในทุกๆ ปี วงการนี้จึงเป็นวงการที่ต้องอัพเดทและตามเทรนด์อยู่เสมอ และสิ่งที่สำคัญที่สุดของการทำการตลาดซึ่งนักการตลาดดิจิทัลทุกคนทราบดีคือกลุ่มเป้าหมาย เทรนด์ที่ว่าจึงไม่ใช่กระแสที่คนทำงานหรือผู้เชี่ยวชาญเซ็ตขึ้นมาเอง แต่เป็นเทรนด์ที่อิงจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่พัฒนาหรือเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ

วันนี้ Kollective จึงจะขอนำเสนอ Marketing Trend ที่อ้างอิงจากทั้งข้อมูลตัวเลข พฤติกรรม หรือการลงทุนที่จะชี้นำวงการการตลาดในปี 2023 ซึ่งล้วนเป็นข้อมูลที่นักการตลาดจำเป็นต้องเรียนรู้และเตรียมตัวรับมือกันต่อไป จะมีอะไรบ้างไปชมกันเลย

หมดยุค Third-party data ผู้คนจะร้องหา Second-Party Data

ในปีที่ผ่านมาหลายคนคงได้ยินเรื่อง first-party data ที่นักการตลาดหรือแบรนด์จำเป็นที่ต้องเก็บข้อมูลของตัวเองให้ได้ เพราะเรากำลังก้าวเข้าสู่ยุค cookieless ที่จะมีจำนวนเบราว์เซอร์เพิ่มมากขึ้น และมันจะบล็อกโฆษณาจนทำให้ข้อมูล Third-party data ไม่แม่นยำเหมือนที่ผ่านมา ทั้งหมดจึงนำมาสู่การใช้งาน second-party data หรือก็คือข้อมูลที่เราได้มาจาก partner, supplier หรือ agency ต่างๆ ซึ่งถ้าจะพูดให้เข้าใจง่ายๆ ก็คือ first-party data ของคนอื่นเมื่อเราได้มาแล้วนำมาประยุกต์ มันคือ second-party data ของเรา การใช้งาน second-party data จึงเหมือนการต่อยอดจากการเก็บและใช้ first-party data ที่เราคุ้นชินกันแล้วนั่นเอง

แล้วทำไมต้องเปลี่ยนมาใช้ second-party data แทนการเก็บ first-party data? ก็เพราะว่าปัจจุบันการตลาดออนไลน์มีการแข่งขันสูงนักการตลาดดิจิตอลทั้งหลายก็ต้องการความแม่นยำของการเข้าหากลุ่มเป้าหมายให้มากที่สุด และการเก็บ first-party data ด้วยตัวเองอาจมีข้อมูลไม่มากพอหรือใช้เวลามากกว่าการหยิบข้อมูลจากคู่ค้า หรือเอนซี่ที่เขามีข้อมูลอยู่แล้วมาใช้

แต่แน่นอนว่าการนำ data เหล่านี้ไปใช้ต่อ ต้องมาพร้อมกับค่าบริการและมารตการในการปกป้อง data privacy รวมถึงมีเรื่องละเอียดอ่อนในหลายๆ ประเด็น แต่เราเชื่อว่า Marketing Trend ในปี 2023 นักการตลาดจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ใช้ข้อมูลพวกนี้ เพราะเราคาดหวังการตลาดที่มีประสิทธิภาพและการตลาดที่แม่นยำที่สุด

ตลาด Martech โตเต็มที่ ต้องพร้อมเข้าสู่ยุคของโซลูชันซอฟต์แวร์

Martech คือ เครื่องมือหรือระบบซอฟต์แวร์ในการทำการตลาดในรูป ซึ่งทำงานด้วยการนำเทคโนโลยีมาเป็นส่วนสำคัญในการทำการตลาด ไม่ว่าจะเป็นการจัดเก็บข้อมูล การวิเคราะห์ข้อมูล การติดตามข้อมูล รวมไปถึงการปิดการขายด้วย

อย่างทราบกันว่าเราพึ่งผ่านช่วงโรคระบาดครั้งใหญ่อย่างโควิด 19 มามาดๆ หรืออาจจะกลับไปลูปเดิมเมื่อไหร่ก็ได้ การพึ่งพาเครื่องมือที่เป็นเชิงเทคโนโลยี หรือซอฟแวร์ต่างๆ จึงโตอย่างก้าวกระโดด โดยผลการสำรวจจาก McKinsey ก็ชี้ว่าการเกิดโรคระบาดโควิดช่วยเร่งปฏิกิริยา ทำให้การยอมรับด้านเทคโนโลยีของประชากรในเอเชียเร็วมากขึ้นกว่า 4 ปี และในช่วง 2 ปีที่ผ่านมาก็จะเห็นว่าองค์กรขนาดเล็กและขนาดกลางก็เริ่มหันมาใช้เทคโนโลยีต่างๆ ในการทำงานอย่างแพร่หลายมากขึ้น ทำให้ความต้องการในการใช้งาน Martech เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จนปัจจุบันมีการพัฒนาเครื่องมือทางการตลาดมาเป็นตัวเลือกให้ผู้ใช้งานมากมายทั้งที่เป็น Tools และ Platform อย่างเช่น Google Optimize, Facebook Business Suit, WordPress เป็นต้น

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ตลาด Martech เติบโตและถูกยอมรับมากขึ้นเรื่อยๆ ก็คือการตอบโจทย์ pain point และรับมือกับความต้องการอันหลากหลายของลูกค้าได้ในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งด้วยความต้องการ และความสนใจที่แตกต่างกันก็ทำให้ตลาดนี้ถูกแบ่งกลุ่มเป็นเซ็กเมนต์ออกมาได้มากมายหลายร้อยกลุ่ม แต่ก็ยังมีเครื่องมือมารองรับโจทย์ต่างๆ และมีการพัฒนาเทคโนโลยีอยู่เสมอ

ซึ่งจากผลสำรวจ Martech Stats & Trends for 2022 ของ MarTech Alliance พบว่าหมวดหมู่ของ Martech ที่กำลังเป็นที่สนใจที่คือเทคโนโลยีประเภท Data เช่น CDP, DMP หรือ CRM และรองลงมาคือเทคโนโลยีประเภท Management เช่น Asana หรือ Slack เป็นต้น

เพราะฉะนั้นนี่คือยุคที่นักการตลาดทุกคนจำเป็นต้องปรับตัวและศึกษาการใช้งานเทคโนโลยีด้านการตลาด หรือ MarTech โดยเฉพาะเทคโนโลยีประเภทข้อมูล การทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ การใช้ปัญญาประดิษฐ์ เพื่อใช้เทคโนโลยีหรือซอฟแวร์เข้ามาแบ่งเบางานของมนุษย์ ให้เข้าถึงข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและแม่นยำมากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายทางการตลาดของแบรนด์หรือองค์กรโดยใช้เวลาและงบประมาณที่น้อยลง

KOCs จะเติบโต และแบรนด์ต้องกลับไปจริงใจกับลูกค้า

KOCs หรือ Key Opinion Consumers คือบุคคลใน Social Media ที่ทำหน้าที่คล้ายกับกับ KOL หรือInfluencer แต่แตกต่างตรงที่พวก KOCs อาจไม่ใช่คนที่มีชื่อเสียง หรือคนที่มียอดฟอลโลวเวอร์เยอะๆ แต่เป็นเพียงคนทั่วไปที่ใช้สินค้าและเป็นแฟนพันธ์แท้ของแบรนด์จริงๆ แล้วเลือกที่จะมาบอกต่อประสบการณ์จากการใช้สินค้าหรือการบริการของตัวเอง

ทั้งนี้เป้าหมายและผลลัพธ์ของการใช้ KOLs และ KOCs นั้นต่างกัน จึงไม่ใช่การมาแทนที่กันแต่อย่างใด เพราะถ้ามองในมุม Marketing Funnel กลุ่ม KOCs จะทำหน้าที่กระตุ้นผู้บริโภคในขั้นตอน consideration เป็นต้นไป เพราะผู้คนมองว่ากลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ใช้จริง มีความจริงใจในการบอกต่อมากกว่า รวมถึง KOCs บางคนยังสามารถทำหน้า advocacy ให้แบรนด์ได้ด้วย เพราะคนกลุ่มนี้มักมี loyalty และพร้อมจะปกป้องแบรนด์ เช่น ถ้ามีคนตำหนิ หรือมีคำถามกับแบรนด์ KOCs เหล่านี้จะออกหน้าตอบคำถามหรือเคลียร์ประเด็นต่างๆ ให้แทน ในขณะที่ KOLs หรือ Influencer จะมีหน้าที่ใช้ฐานของ Followers ช่วยแบรนด์ในการกระจายการรับรู้ หรือสร้าง Awareness นั่นเอง

ดังนั้นในปี 2023 นี้เราจำเป็นต้องโฟกัสในการทำการตลาดกับกลุ่มลูกค้าจริง โดยการเก็บข้อมูล ศึกษา รวมทั้งดูแลลูกค้าทุกคนให้ดี แล้วจึงคิดต่อยอดจากกลุ่มลูกค้าจริงว่าใครที่พอจะมีพลังในการโน้มน้าว หรือสร้างการบอกต่อประสบการณ์ดีๆ ให้ผู้อื่นได้บ้าง ซึ่งเรียกว่าเป็นเทรนด์ที่ back to basic ที่จะได้ซื้อใจลูกค้าในยุค 2023 ได้ดีแน่นอน

Video ครองแชมป์ฟอร์แมตยอดนิยม และ Short Video Content ยังอยู่ในช่วงขาขึ้น

Video ในทีนี้คือวีดีโอบนสื่อออนไลน์ทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็น Youtube, Instagram, Facebook หรือแม้กระทั่ง Tiktok และเทรนด์การตลาดในปี 2023 สื่อประเภทวีดีโอก็ยังได้รับความนิยมจากผู้ชม และเป็นสื่อที่ยังทรงประสิทธิภาพ โดยจะเห็นได้จาก Report ของ HubSpot ที่บอกไว้ว่า Video จะเป็นฟอร์แมตคอนเทนต์ที่นักการตลาดจะนิยมใช้มากที่สุด บวกกับข้อมูลของ YouTube ที่ได้ทำการสำรวจมาว่าคนไทยกว่า 75% บอกว่า YouTube = TV ชี้ให้เห็นว่าสื่อวีดีโอออนไลน์ได้เข้ามาทดแทนสื่อเก่าได้มากกว่าครึ่ง เพราะฉะนั้นวีดีโอจึงเป็นฟอร์แมตที่ยังฮอตฮิตและกินพื้นที่สื่อได้ดีในปี 2023 นี้

และคอนเทนต์วีดีโอที่ได้รับความนิยมสูงสุดก็คือวิดีโอรูปแบบสั้น (short video) ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและกลายเป็นรูปแบบเนื้อหาอันดับหนึ่งที่นักการตลาดสนใจ และในปี 2022 ที่ผ่านมา HubSpot ก็มีข้อมูลออกมาชี้ว่ามีนักการตลาดใช้ประโยชน์จากวีดีโอสั้นกว่า 26% เพื่อทำงานการตลาด และคาดว่าในอนาคตอันใกล้นี้วิดีโอสั้นจะคิดเป็น 90% ของการส่งข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตทั้งหมด และ Kollective เองก็มองว่าเทรนด์นี้จะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องด้วยการเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ๆ และการปรับปรุงพัฒนาไม่หยุดยั้งของแพลตฟอร์มที่ให้บริการวิดีโอสั้นในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็น Tiktok, Reels หรือ Short จาก Youtube

เพราะฉะนั้นแบรนด์หรือนักการตลาดต้องยังคงโฟกัสกับคอนเทนต์วีดีโอ โดยเฉพาะวิดีโอสั้น เพราะถ้าคุณยังไม่ยอมรับกระแสหรือปรับตัวช้าไปอาจจะพลาดโอกาสในการใช้แพลตฟอร์มที่ทรงประสิทธิภาพอย่างหนึ่งไปเลยก็ว่าได้ ซึ่งทาง Tiktok ที่ถือว่าเป็นเจ้าตลาดแห่ง Short Video ได้บอกในงาน wrap up ในปีที่ผ่านมาว่าเทรนด์การทำคอนเทนต์มาแรงจะมีอยู่ 3 อย่างคือ

1. Authentic and Positive Vibe: เป็นตัวของตัวเองและให้พลังงานบวก

2. Sound-on: เสียงมีส่วนสำคัญต่อคอนเทนต์

3. Live-streaming: การไลฟ์สดจะสร้าง Interact และ conversion ได้มากกว่าที่คิด

Influencer Marketing ยังมีอิทธิพล และจะยังมีช่องทางเติบโตตาม Marketing Trend

Influencer Marketing คือ การตลาดที่ให้มุ่งเน้นการใช้บุคคลที่มีชื่อเสียงมาช่วยในการโฆษณา พูดถึง รีวิว หรือแนะนำสินค้าและบริการผ่านสื่อในมือของเขาเอง ถึงแม้เราจะบอกว่ากระแส KOCs จะกำลังมาแต่กระแส Influencer ตรงนี้ก็จะไม่มีทางหายไป มีแต่จะปรับเปลี่ยนไปตามพฤติกรรมผู้บริโภค

ความสำเร็จของ Influencer Marketing ถูกตอกย้ำจากสถิติของ Influencer Marketing Hub ที่ระบุว่านักการตลาดมากกว่า 90% เชื่อว่าการทำ Influencer Marketing เป็นหนึ่งในการทำการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพสูง และยังมีข้อมูลที่แสดงถึงการเติบโตของตลาด Influencer คือในปี 2022 ที่ผ่านมาถูกคาดการณ์ว่าแบรนด์ต่างๆ ใช้เงินสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์เพื่อทำการตลาดในรูปแบบ Influencer Marketing ในขณะที่ย้อนไปเมื่อปี 2019 ตัวเลขค่าใช้จ่ายนี้อยู่ที่ 8,000 ล้านดอลลาร์เท่านั้น นั่นหมายความว่าเพียงแค่ 3 ปี อุตสาหกรรม Influencer Marketing โตขึ้นถึง 87.5% แล้วในปีนี้ตลาดนี้จะเติบโตขึ้นได้อีกมากแค่ไหนกัน

เพราะฉะนั้นใครที่กลัวหรือลังเลในการลงทุนกับ Influencer Marketing ในปีนี้คุณอาจจะต้องพิจารณาการตลาดด้านนี้เพิ่มมากขึ้น แล้วจะพบว่าเนื้อหาจากเหล่า Influencer มีศักยภาพเพียงพอที่จะสร้างการรับรู้หรือผลกระทบต่อแบรนด์ จนนำไปสู่การสร้างยอดขายมหาศาลอย่างที่หลายแบรนด์ในโลกออนไลน์พิสูจน์ให้เห็นมามากมายแล้ว

โดย Kollective เองก็เป็นหนึ่งในตลาดที่มองเห็นถึงความสำคัญของการทำ Influencer Marketing และพร้อมจะสนับสนุนทั้งแบรนด์และนักการตลาดให้สามารถวางแผนใช้งาน Influencer ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงในราคาที่คุ้มค่าที่สุด ภายใต้การดูแลอย่างครบวงจรของเรา

และทั้งหมดนี้คือ Marketing Trends ในปี 2023 ที่เราคิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อแบรนด์และนักการตลาดไม่มากก็น้อย ซึ่งจากเทรนด์ดังกล่าวหากนำมาปรับใช้ เรียนรู้ และเตรียมรับมือกับมัน เทรนด์เหล่านี้จะไม่ใช่แค่กระแสแต่จะนำมาสู่การเปลี่ยนแปลงที่อาจคิดไม่ถึงเลยก็ว่าได้

ซึ่ง Marketing Trends ก็คือหนึ่งสิ่งที่ Kollective ติดตามและยึดถือในการทำงานเพื่อสร้างผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้กับลูกค้าของเรา สำหรับแบรนด์หรือนักการตลาดที่กำลังมองหาผู้ช่วยที่มีความเชี่ยวชาญ มาช่วยดูแลจัดการให้ตั้งแต่ขั้นตอนการวางแผน ลงมือทำ ติดตามผล รวมไปถึงพัฒนางานเพื่อสร้างประสิทธิภาพสูงที่สุดภายใต้การควบคุมค่าใช้จ่ายให้ดีที่สุด ไว้ใจ Kollective กับทีมมืออาชีพ และเครือข่าย Influencer ขนาดใหญ่ของเรา     ที่จะทำให้การจัดการวางแผน Influencer Marketing ง่ายและสะดวกกว่าที่คิด


สนใจให้ Kollective เป็นผู้ช่วยทำการตลาดผ่านอินฟลูเอนเซอร์ ลงทะเบียนได้ที่นี่เลย เพื่อให้ทีมงานติดต่อกลับ หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ 090-293-8951 (คุณกอล์ฟ ฝ่ายการตลาด)

Facebook: Kollective – Integrated Influencer Marketing Optimizer

Line: @kollective.th

Website: https://kollective.one

Email: contact@kollective.one

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *