ถอดบทเรียนจาก MonkeyEveryday ! ทำการตลาดยังไง ในยุคที่ไม่สามารถเข้าถึงเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีได้
หลังจากที่ Facebook ได้ออกประกาศยกเลิกการยิงโฆษณาเข้าหากลุ่มเป้าหมายที่อายุต่ำกว่า 18-20 ปี ส่งผลให้หลาย ๆ ธุรกิจไม่สามารถเข้าถึงเป้าหมายนี้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจการศึกษา ที่จำเป็นจะต้องเข้าหากลุ่มนี้เป็นพิเศษ ทำให้บรรดานักการตลาดต้องหาวิธีการใหม่ ๆ เพื่อเข้าถึงคนกลุ่มนี้ให้ได้มากที่สุด
อย่างในปีที่ผ่านมา Kollective เอง ก็ได้เจอกับความท้าทายนี้เช่นกัน เลยอยากจะมาแชร์ประสบการณ์ในการเข้าถึงน้อง ๆ กลุ่มนี้ เพื่อเป็นแนวทางให้กับนักการตลาดแบรนด์อื่น ๆ
MonkeyEveryday คืออะไร
สถาบันสอนพิเศษผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้มากกว่าความรู้และข้อสอบ แต่เป็นผู้ช่วยเพื่อให้ผู้เรียนบรรลุเป้าหมายที่ต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ครอบคลุมทุกรายวิชาตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม ตอบโจทย์ทุกวัตถุประสงค์ ตั้งแต่การเพิ่มเกรด สอบแข่งขัน และสอบเข้ามหาวิทยาลัย
นอกเหนือจากแบบฝึกหัดและคลิปวิดีโอที่สามารถเรียนได้ทุกที่ทุกเวลาแล้ว ยังมีจุดเด่นอยู่ที่การประมวลผลได้รายคน สามารถแนะนำได้ตรงจุด พร้อมมีทีมงานที่ช่วยดูแลและให้คำแนะนำ ช่วยให้น้อง ๆ สามารถพัฒนาแก้ไขจุดบกพร่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อินไซต์ต้องแม่น เพื่อวางกลยุทธ์ให้ปัง
ในการทำการตลาดให้ประสบความสำเร็จ สิ่งที่สำคัญที่สุดในขั้นตอนแรกคือการรู้จักแบรนด์และกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการเข้าถึง รู้ว่ากลุ่มเป้าหมายต้องการอะไร และแบรนด์ของเราสามารถตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายได้ยังไง ยิ่งมีข้อมูลมากเท่าไหร่ ยิ่งสามารถวางแผนเพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้แม่นยำขึ้น
อย่างในกรณีของ MonkeyEveryday เอง เป็นสถาบันการศึกษาผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ครอบคลุมทุกรายวิชา ตอบโจทย์เด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป ที่มีเป้าหมายในการสอบเข้า เพิ่มเกรด หรือสอบแข่งขัน โดยจุดเด่นที่สำคัญที่สุด คือ การเป็นตัวช่วยในการเรียนที่มีประสิทธิภาพ สามารถประมวลผลได้รายคน แนะนำได้ตรงจุดว่าควรจะพัฒนาจุดไหนเป็นพิเศษ ซึ่งสิ่งพวกนี้จะถูกนำไปใช้เป็น Key message หลักในการทำคอนเทนต์หรือโปรโมทเพื่อดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
ในขณะเดียวกัน การรู้จักกลุ่มเป้าหมายก็ทำให้รู้ว่าเราควรจะเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างไร หรือควรจะเข้าถึงด้วยจุดขายไหน อย่างในกรณีนี้ กลุ่มเป้าหมายของเราคือผู้ปกครอง และน้อง ๆ นักเรียนนักศึกษา อายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป สิ่งที่เราทำคือการทำ Research อย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่การเก็บข้อมูลมาเพื่อทำแคมเปญเท่านั้น
แต่เราทำข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์เชิงลึกให้ได้กลยุทธ์เฉพาะสำหรับแบรนด์และแคมเปญนั้น โดยจะเป็นการวิเคราะห์ออกมาเป็นในรูปแบบของ 4 Angle-analysis
- การวิเคราะห์ Market landscape ทั้งในมุมของตลาดสำหรับธุรกิจและพฤติกรรมของของผู้บริโภคในปัจจุบัน พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มที่จะเกิดขึ้น
- วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย Target analysis และ Target prospect ทั้งในแง่ของ Demographic ทั่วไป ด้านของพฤติกรรม จิตวิทยา ความรู้สึก และความต้องการ รวมไปถึง Customer journey
- วิเคราะห์ Competitor analysis และวาง Positioning เพื่อให้มั่นใจได้ว่าเราควรจะสื่อสารยังไงเพื่อให้โดดเด่น และเป็นที่จดจำมากที่สุด
- ท้ายที่สุดคือการวิเคราะห์ตัวของแบรนด์เอง ผ่าน Self analysis ทั้งตัว SWOT, UVP ของแบรนด์รวมถึง Marketing performance ในช่วงที่ผ่านมา เพื่อมาช่วยวิเคราะห์ว่ากลยุทธ์ไหนที่ได้ผลกับแบรนด์ และควรจะปรับปรุงหรือพัฒนาส่วนไหนให้ดีขึ้น
เจาะแหล่งคอมมูนิตี้ เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
ในเมื่อเราไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายโดยตรงได้ผ่านการใช้การซื้อโฆษณาทั่วไป ดังนั้นการใช้อินฟลูเอนเซอร์ที่กลุ่มเป้าหมายติดตามอยู่แล้วจึงเป็นทางออกที่ดีในการเข้าถึง โดยช่องทางที่เราเลือกมาก็คือ Facebook, Youtube และ Tiktok ต่อมาก็ถึงขั้นตอนสำคัญคือการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ที่เหมาะสมกับแคมเปญ โดยมองไปที่ผู้ติดตามของอินฟลูเอนเซอร์เป็นหลัก
อย่างในแคมเปญนี้ ทีมงานของ Kollective ได้ใช้ฟีเจอร์ Targeted audience บนแพลตฟอร์ม Kolify เป็นตัวช่วยในการเลือกอินฟลูเอนเซอร์ผ่านการค้นหาด้วยข้อมูล Demographic ของผู้ติดตามอินฟลูเอนเซอร์ อย่างเพศ อายุ และจังหวัดที่อยู่ ทำให้มั่นใจได้ว่ากลุ่มเป้าหมายของเราจะสามารถมองเห็นคอนเทนต์ที่แบรนด์ต้องการสื่อสารได้
นอกเหนือจากการเลือกอินฟลูเอนเซอร์แล้ว จากข้อมูลของกลุ่มเป้าหมายที่เรามี ทำให้เราวิเคราะห์ออกมาได้ว่าเพื่อให้กลุ่มเป้าหมายของเราสนใจ ควรจะทำคอนเทนต์อะไร รูปแบบไหน
อย่างในแคมเปญของ Monkey Everyday เรามีการเลือกใช้จึงเลือกใช้คอนเทนต์ประเภทวิดีโอเพื่อแชร์ประสบการณ์และเทคนิคในการเรียน เพราะเป็นประเภทคอนเทนต์ที่น้อง ๆ นักเรียนและนักศึกษาสนใจ
เพราะในเมื่อเราไม่สามารถบูสต์คอนเทนต์ไปยังกลุ่มเป้าหมายได้โดยตรง เราก็ต้องมั่นใจได้ว่าคอนเทนต์คุณภาพจากอินฟลูเอนเซอร์จะสามารถสร้าง Organic reach และ engagement ได้สูงตามที่เราต้องการ ก่อนที่จะใช้แพลตฟอร์มอื่น เข้ามาช่วยสร้าง Traffic ไปยังเว็บไซต์ของแบรนด์และกระตุ้นให้เกิดการสมัครเรียนกับทางสถาบัน
เสริมด้วยโฆษณาบนแพลตฟอร์มอื่น
ในเมื่อการยิงโฆษณาใน Facebook ไปหากลุ่มเป้าหมายที่ต้องการโดยตรงไม่ได้ เราจึงวางแผนในการใช้แพลตฟอร์มอื่นเข้ามาช่วย อย่าง Tiktok ที่ยังไม่มีมีการจำกัดอายุของกลุ่มเป้าหมายสำหรับยิงโฆษณา
เราจึงใช้ช่องทางนี้เป็นหลักในการยิงโฆษณา Retargeting เพื่อให้เกิดการสมัครเรียนกับทางสถาบัน โดยเน้นเป็นกลุ่มคนที่แสดงความสนใจหรือมี Engagement ร่วมกับคอนเทนต์ของอินฟลูเอนเซอร์บน Facebook
ประกอบกับข้อมูลที่ทางทีมงานทำรีเสิร์จออกมา พบว่า Tiktok เป็นอีกหนึ่ง Potential platform ที่มีกลุ่มเป้าหมายอยู่เยอะ เราจึงมีการจ้างอินฟลูเอนเซอร์เพื่อทำคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มนี้ด้วย เพื่อช่วยเพิ่ม Awareness ก่อนที่จะถูก Retargeting ด้วยโฆษณาที่เน้นขายโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นให้เกิด Conversion
- บทความแนะนำที่เกี่ยวข้อง
- ถอดสูตรสำเร็จ ทำไมกระเป๋าแบรนด์ Carlyn ถึงฮิตขนาดนี้?
- สายการศึกษาต้องฟัง ! ประสบการณ์ทำการตลาด ฉบับคุ้มค่า สร้าง ROI กว่า 200% ในงบหลักหมื่น จาก Be-Engineer
- ใช้ Social media ยังไงให้คุ้ม เผยเคล็ดลับทำ Influencer marketing กับ True Coffee
หรือสอบถามโดยตรงได้ที่ 090-293-8951 (คุณกอล์ฟ ฝ่ายการตลาด)
Facebook: Kollective – Integrated Influencer Marketing Optimizer
Line: @kollective.th
Website: https://kollective.one
Email:contact@kollective.one